วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ประวัติและความเป็นมาของหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา

มีเรื่องราวที่เล่าขานกันมานานแล้วในครั้งโบราณว่าในกาลครั้งนั้นยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนปลาย มีพระพุทธรูปลอยน้ำมา3องค์ที่แม่น้ำบางปะกง พอมาถึงบริเวณสถานที่ แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกชื่อว่าอะไรก็ไม่ประจักษ์ ก็มีชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปลอยน้ำมาทั้ง 3 องค์เกิดเอะอะโวยวายขึ้นให้ช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง ด้วยการเอาเรือออกไป อัญเชิญ ด้วยการช่วยกันยกขึ้นเรือแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะยกเอาขึ้นมาไม่ไหว จึงเปลี่ยนวิธีการเป็นเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้ององค์พระทั้ง3องค์อย่างแน่นหนา แล้วให้ชาว บ้านที่มีอยู่ชักลากดึงจะเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จเพราะแรงชาวบ้านที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมายนั้น



ไม่อาจจะฉุดดึงรั้งเอาองค์พระทั้ง3องค์ที่ลอยปริ่มๆน้ำอยู่ขึ้นมาได้ไม่สำเร็จ เพราะเชือกขาด รั้งเอาไว้ไม่อยู่ ประกอบกับ กระแสน้ำเกิดปาฏิหาริย์ปั่นป่วนขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทำให้พระพุทธรูปทั้ง3องค์จมหายลับสายตาไปท่ามกลาง ความเสียดายของผู้คนที่มีอยู่ ซึ่งเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน พากันยกมือไหว้ท่วมศีรษะ บางคนก็พูดว่าไม่มีบุญเพียงพอที่จะ อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง3องค์ขึ้นมาได้

ผู้คนในสมัยนั้นโจษขานกันไปต่างๆนานาพากันคิดว่าอย่างนั้นคิดว่าอย่างนี้ไปจนบางทีก็เลยเถิดไปไหนต่อไหน บ้างก็ว่า เทวดาฟ้าดินไม่โปรด หลวงพ่อก็ไม่ยอมมาประดิษฐานอยู่บนฝั่งน้ำ หากอัญเชิญขึ้นมาได้แล้ว ก็จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดทันที เรื่องราวการโจษขานกันไปมากมายนี้เลยทำให้ชาวบ้านพากันเรียกสถานที่ ที่พระพุทธรูปทั้ง3 องค์ มาสำแดงปาฏิหาริย์ ลอยวนเวียนไปมาว่า “สามพระทวน”เรียกกันเรื่อยไปนานเข้าก็เพี้ยนกลายเป็น “สัมปทวน” กันไปในที่สุด

จากนั้นต่อมาพระพุทธรูปทั้ง3องค์ที่ลอยน้ำมาในแม่น้ำบางปะกงก็ล่องลอยกันไปเรื่อยๆ องค์หนึ่งลอยไปทางบางพลี ไปผุดขึ้นที่ลำคลองวัดบางพลี ชาวบ้านอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดบางพลีได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้ท่านต้องการจะประดิษฐานอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็ได้

อีกองค์หนึ่งลอยออกไปที่บริเวณบ้านแหลมสมุทรสงคราม ชาวบ้านตีอวนได้องค์พระขึ้นมาแล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ที่วัดบ้านแหลม หรือในปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหาร

อีกองค์หนึ่งผุดขึ้นมาที่หน้าวัดเสาธงทอนหรือ “วัดโสธร”ที่แม่น้ำบางปะกงชาวบ้านช่วยกันฉุดลากขึ้นมาด้วยเชือก อีกเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่สำเร็จไม่อาจจะอัญเชิญขึ้นมาบนบกได้ มีผู้เสนอให้ไปเชิญอาจารย์ผู้ที่มีความรู้ ทางด้านเวทมนต์คาถามา เพื่อทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาจากกระแสน้ำให้ได้ซึ่งก็เป็นผลสำเร็จ เมื่ออาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณท่านนั้นตั้งศาล เพียงตาขึ้นมาตามโบราณพิธีแล้วเอาสายสิญจน์ไปคล้องเอาไว้ที่พระหัตถ์ ตอนนี้เองปรากฏว่าอัญเชิญเอาขึ้นมาบนฝั่งน้ำ ริมตลิ่งของวัดเสาธงทอนได้อย่างง่ายดายมาก แต่เมื่อเอาเชือกเส้นใหญ่ไปคล้องผูกมัดองค์ท่านแล้วดึงเข้ามาไม่เป็นผลอะไรเลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดของผู้ที่พบเห็นเป็นอันมาก

เมื่อนำพระพุทธรูปที่ลอยน้ำขึ้นมาได้ ชาวบ้านก็อัญเชิญเข้าไปประดิษฐานเอาไว้ในพระอุโบสถทันทีรวมกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆที่มีอยู่ พระพุทธรูปองค์นี้ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยลงรักปิดทองเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นลักษณะ ของพระพุทธรูปศิลปะล้านช้าง คือศิลปะของเวียงจันทร์ ซึ่งมีการสร้างพระพุทธรูปลักษณะเช่นนี้กันทั่วไปที่ล้านช้าง
และหลวงพระบางและเมืองอื่นๆที่ภูมิภาคแถบนี้ ดูได้จากพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันที่เวียงจันทร์ และหลวงพระบางตลอดจนอินโดจีน รวมทั้งทางภูมิภาคของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ชาวบ้านเลยพากันถือ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ได้ พระพุทธรูปองค์สำคัญนี้มาพากันมากราบไหว้กันมากมาย

ในครั้งกระโน้นเล่าลือกันไปทุกสารทิศทีเดียวพากันเรียกท่านว่า"หลวงพ่อโสธร”ตามชื่อวัดที่เปลี่ยนมาจาก“เสาธงทอน” แล้วก็เป็น “หลวงพ่อโสธร”มาตราบกระทั่ง ปัจจุบัน.



“หลวงพ่อโสธร” เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแปดริ้วหรือจังหวัดฉะเชิงเทราโดยแท้จริงตลอดมา“หลวงพ่อพุทธโสธร” หรือ “หลวงพ่อโสธร” หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง1.48 เมตร เท่าที่มองเห็นองค์หลวงพ่อโสธรอยู่ในปัจจุบันนี้

ผู้รู้เล่าว่าองค์จริงของหลวงพ่อพุทธโสธรนั้นเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ที่องค์เล็กกว่าที่เห็นกันอยู่ แต่เนื่องจากหลวงพ่อโสธรเป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์งดงามมาก มีผู้เกรงว่าจะเป็นอันตรายอาจจะมีผู้ใจบาปมากระทำมิดีมิร้ายได้จึงจัดการสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นขึ้นใหม่แล้วเอาองค์จริงของหลวงพ่อโสธรประดิษฐานไว้ข้างในไม่ให้ใครเห็นจนบัดนี้.

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปที่มีอภินิหาร มีฤทธานุภาพของชาวไทยองค์หนึ่ง ชาวไทยได้รับการคุ้มครองรักษาอภิบาลจากหลวงพ่อโสธรองค์นี้อย่างร่มเย็นเป็นสุขและปลอดภัยอริราชศัตรูมาหลายปีแล้วอย่างแปลกประหลาดเพราะฉะนั้นท่านผู้ปรารถนาจะมีความสุขสวัสดี ปลอดภัยจากโรคพยาธิควรจะมีหลวงพ่อโสธรไว้บูชา

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิพระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลามีส่วนสูง ๖ฟุต ๗นิ้ว พระเพลากว้าง ๕ฟุต ๖นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐาน อยู่ในพระอุโบสถหลวงวัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวฉะเชิงเทราเคารพนับถือมาก ทางราชการจัดให้มีงานสมโภชเป็นเทศกาลประจำปี มีพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศหลั่งไหลกันมานมัสการคับคั่งตลอดงาน ได้รับทั้งความสนุกและทั้งบุญกุศลด้วย

งานเทศกาลประจำปีของหลวงพ่อโสธร ถือเป็น เทศกาลประจำปีหลวงพ่อโสธร ซึ่งจะจัดปีละ 2 ครั้ง
- ครั้งแรกจัดช่วงเดือน 5 เรียกว่า งานกลางเดือน 5 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 14-15 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน
- อีกครั้งจัดเดือน 12 เรียกว่า งานกลางเดือน 12 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 รวม 5 วัน

คำบูชาหลวงพ่อโสธร คาถาพระเจ้า5พระองค์ ห้อยพระหลวงพ่อโสธร คาถาหลวงพ่อโสธร ท่องนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำบูชา

นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูพาลวินาศสันติ
นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง
พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง
ว่าคาถาหลวงพ่อโสธร นี้ทุกวันจะปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไปชีวิตราบรื่น เดินทางแคล้วคลาดภยันตรายต่างๆ


ใครคือผู้สร้าง"หลวงพ่อโสธร"
ตามประวัติหลวงพ่อโสธร ใครจะเป็นผู้สร้างหลวงพ่อโสธร และสร้างเมื่อ พ.ศ.เท่าใด ตำนานไม่ได้ความจริงและไม่ได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐาน ทราบเอาแต่เพียงว่าประวัติหลวงพ่อโสธร นั้นเล่ากันมาว่าในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย มีพระภิกษุสามองค์พี่น้อง เรียนพระธรรมวินัยแตกฉานแล้วก็จำแลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยลงมาตามยังแม่น้ำบางประกง มาถึงเขตสัมปทวนก็ปรากฏองค์ขึ้น ชาวสัมปทวน พบเข้าก็พากันเอาเชือกมนิลามาฉุดขึ้น แต่เอาขึ้นมาไม่ได้ เชือกขาดพระทั้งสามองค์ก็จมหายไป บริเวณที่พระทั้งสามองค์ทวนน้ำหนีนั้นเรียกว่า “สามพระทวน” ต่อมาเรียกว่า “สัมปทวน” อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจนทุกวันนี้ ต่อมาได้มาผุดขึ้นที่ครองคุ้ง ให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นอีก ชาวบ้านก็ชุดขึ้นฝั่ง แต่ไม่สำเร็จอีก สถานที่นั้นเรียกว่า “บางพระ” มาจนทุกวันนี้ แต่นั้นมาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้สำแดงอภินิหารในครองเล็กๆตรงข้ามกองพันทหารช่างฉะเชิงเทรา บริเวณนั้นเรียกว่า “แหลมลอยวน” คลองนั้นได้นามว่า “คลองสองพี่น้อง” ภายหลังก็เงียบไป องค์พี่ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาไปปรากฏ ที่ตอนสามเสน ประขาขนเขตสามเสนก็หลั่งไหลมาอาราธรนาขึ้นฝั่งฉุดขึ้นเป็นการใหญ่ มีประชาชนพากันมาฉุดนับได้สามแสนคน สถานที่นั้นเรียกว่า “สามแสน” ภายหลังเลื่อนลอยมาเป็น “สามเสน” และเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ชาวสามเสนฉุดขึ้นไม่ได้พระพุทธรูปก็ปาฏิหาริย์ลอยไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ไปปรากฏผุดขึ้นที่สมุทรสงคราม ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” มาจนทุกวันนี้ ได้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนชาวสมุทรสงครามมาก

องค์สุดท้องได้สำแดงอภินิหารไปผุดขึ้นที่คลองบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ประชาชนได้อาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบางพลีใหญ่ใน ตราบเท่าทุกวันนี้เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ"หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน"

ส่วนองค์กลางคือ"หลวงพ่อโสธร"ได้ลอยวนไปวนมา และมาแสดงอภินิหารผุดขึ้นหน้าวัดหงษ์ เล่ากันว่า ที่วัดนี้เดิมมีเสาใหญ่ที่มีรูปหงษ์อยู่บนยอดเสานั้น จึงได้ชื่อว่าวัดหงษ์ ต่อมาหงษ์ที่ยอดเสาหักตกลงมาเสียชำรุด ทางวัดจึงเอาธงไปติดไว้ที่ยอดเสาแทนรูปหงษ์ จึงได้ชื่อว่าวัดเสาธง แล้วต่อมาก็เกิดมีพายุพัดเสานี้หักลงส่วนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่าวัดเสาทอน และต่อมาชื่อนี้ได้กลายไปเป็น(วัดโสธร)
ประชาชนพลเมืองจำนวนมากได้พากันหลั่งไหลมาอาราธนาฉุดขึ้นฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้นมีอาจารย์วิเศษผู้รู้คนหนึ่งสำเร็จไสยศาสตร์หรือเทพไสย รู้หลักและวิธีอาราธนา จึงได้ทำพิธีปลูกศาลเพียงตาบวงสรวง กล่าวคำอัญเชิญชุมนุมเทวดาอาราธนา ได้ใช้สายสิญจน์คล้องที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป และค่อยฉุดลากขึ้นมาบนฝั่ง พระพุทธรูปก็เสด็จขึ้นมาบนฝั่ง ชาวเมืองต่าง ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งได้พร้อมใจกัน อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ในพระวิหารวัดโสธร และเรียกนามว่า “พระพุทธโสธร” หรือ “หลวงพ่อโสธร” ตั้งแต่นั้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ตรงกับ พ.ศ.2313 รับเป็นประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยน้ำมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

หลวงพ่อโสธร ได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏแก่พุทธศาสนิกชนบ่อยๆ เคยดลบันดาลให้คนเจ็บป่วยหายทันตา ผู้เป็นหมันไม่เคยมีบุตร ไปนมัสการหลวงพ่อโสธร ขอให้มีบุตรก็สำเร็จมามากแล้ว นอกจากนั้นก็มีผู้แสวงโชคลาภ ก็ไปขอหลวงพ่อก็เคยให้สำเร็จสมประสงค์ นับว่าหลวงพ่อได้อภิบาลรักษา ประสิทธิ์ประสาทจตุรพิธพรชัยให้แก่พุทธศาสนิกชนไม่น้อยเลย ท่านผู้ใดยังไม่เคยเห็น หลวงพ่อโสธรหรือไปกราบไหว้องค์จริงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ควรหาโอกาสไปกราบไหว้ให้ได้ซักครั้ง เพื่อความผาสุกสวัสดิ์แก่ตัวและครอบครัว

วัดหลวงพ่อโสธร มีเทพเทวา พรหม ปกปักษ์รักษา จำนวนมากถึง16องค์ นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีเทพเทวา มาเฝ้าดูแลรักษาคุ้มครองและทำหน้าที่ช่วยอนุเคราะห์ผู้คนที่มากราบไหว้องค์หลวงพ่อโสธร นมัสการท่านในแต่ละด้านแต่ละองค์มากที่สุดในประเทศ

การแก้บนหลวงพ่อโสธร
ชาวบ้านนิยมบนขอพรจากองค์หลวงพ่อโสธร เมื่อสมหวังดังต้องการ ก็จะมาแก้บนที่นิยม นำมาถวายคือ ไข่ต้ม ผลไม้ พวงมาลัย และที่สำคัญคือละครชาตรี รำถวาย"หลวงพ่อโสธร"

พระเครื่องหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร
ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อโสธร ที่ผู้นิยมสะสมพระเครื่องให้ความสนใจ ซึ่งพระหลวงพ่อโสธร เป็นที่นิยมในตลาด ไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เหรียญหลวงพ่อโสธรรุ่นแรก ปี 2460 ที่นับว่าเป็น สุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร และถือได้ว่า"เหรียญหลวงพ่อโสธร รุ่นแรก" เป็นเหรียญพระพุทธที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศ แต่สำหรับผู้ที่สนใจและศรัทธาองค์หลวงพ่อโสธร พระเครื่องหลวงพ่อโสธร ทางวัดโสธรวราราม ก็มีการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร ออกมาให้บูชาทุกปี ซึ่งก็มีพุทธคุณเหมือนกัน ด้วยบารมีของ"พระพุทธโสธร"

2 ความคิดเห็น: